=>ธุรกรรมการรับการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของเรา ถูกส่งต่อให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษี

เงื่อนไข ที่ธนาคารจะต้องรายงานไปยังกรมสรรพากร =>บุคคลหรือนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมพิเศษ ซึ่งจะมีการรวบรวมข้อมูลเป็นรายปี โดยแบ่งเป็นจำนวนครั้งและจำนวนเงินรับเข้าบัญชีรวมทั้งปี และส่งรายงานไปยังกรมสรรพากรทุกเดือนมีนาคมของทุกปี

คำนิยามของ ธุรกรรมลักษณะพิเศษ ที่ธนาคารต้องส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร มี 2 กรณี คือ

  1.  ทำธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีเกิน 3,000 ครั้งต่อปีต่อธนาคาร
  2. ทำธุรกรรมฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีเกิน 400 ครั้งต่อปีต่อธนาคารและมียอดเงินรวมตั้งแต่ 2,000,000 บาทขึ้นไป

โดยที่คำว่าสถาบันการเงินนั้นหมายรวมถึง

  1. สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยธุรกิจสถาบันการเงิน คือ ธนาคารพาณิชย์,บริษัทเงินทุน,บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
  2. สถาบันการเงินของรัฐที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น (เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร)
  3. ผู้ให้บริการเงินอิเล็กทรอนิกส์ตามกฎหมายว่าด้วยระบบการชำระเงิน (เช่น บริษัท ทรู มันนี่, บริษัท ตลาด ดอท คอม)

กฎหมายนี้จะมีผลกระทบต่อธุรกิจหลากหลายกลุ่มทั่วไปเลยทีเดียว โดยเฉพาะธุรกิจที่มีรายการโอนเงินบ่อยๆ ไม่ว่าจะรับเงินยิบย่อยหรือรับเงินก้อนใหญ่ๆ จะเข้าเงื่อนไขของกฎหมายนี้ทั้งนั้น เช่น ถ้ารับเงินครั้งละไม่ถึงร้อย แต่รับบ่อยๆ นับรวมตลอดปีก็อาจมีจำนวนครั้งเกินกว่า 3,000 ครั้งต่อ 1 ธนาคารก็ได้ แค่นี้ก็อาจถูกตรวจสอบบัญชีและภาษีได้แล้ว

หากจัดอยู่กลุ่มนี้หรือคาดว่าเราจะเข้าเงื่อนไข ควรเตรียมรับมือไว้ก่อนมีชัยไปกว่าครึ่ง ดังนี้

  • จดรายละเอียดประกอบไว้ ถ้าจะให้ดีควรทำเป็นบัญชีรายรับรายจ่ายให้ถูกต้องว่า แต่ละรายการคือรายการรับค่าอะไร เกี่ยวข้องกับใคร เผื่อเวลาที่สรรพากรเรียกเราเพื่อไปสอบถาม เราจะได้ชี้แจงได้อย่างถูกต้อง
  • ควรแยกสมุดบัญชีหรือแยกธนาคาร ว่าเป็นรายรับรายจ่ายเกี่ยวกับอะไร เช่น แบ่งเป็นบัญชีเงินเดือน บัญชีออมเงิน บัญชีลงทุน เพื่อได้หาวิธีประหยัดค่าธรรมเนียมการโอน และการชี้แจงสรรพากรในอนาคต
  • ศึกษาและวางแผนเรื่องภาษี ศึกษา/ขอคำปรึกษาการวางแผนภาษี การคำนวณภาษีและรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้องในการทำธุรกิจหรือเอกสารทางการเงินส่วนตัวของเรา เพื่อให้เราสามารถบริหารเรื่องภาษีได้อย่างถูกต้อง ซึ่งจะส่งผลให้เราประหยัดภาษีได้อย่างดี ช่วยให้เราจ่ายภาษีได้อย่างถูกต้องและช่วยลดปัญหาในการถูกสรรพากรเรียกไปตรวจสอบได้อีกด้วย
  • จัดทำข้อมูลและเก็บหลักฐานต่างๆไว้ หากเราถูกสรรพากรเรียกไปชี้แจงข้อมูลด้านการเงินย้อนหลัง ก็จะสามารถระบุแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่เข้าออกในบัญชีได้อย่างถูกต้อง และควรหาหลักฐานประกอบครบถ้วน จะช่วยให้เราพิสูจน์ได้ว่า รายได้ของเราตรงตามที่เราได้ยื่นภาษีไปแล้วจริง